วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประวัติผู้จัดการทีม

ประวัติเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ประวัติเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
SIR ALEX FERGUSON
สัญชาติ
scotland
รับตำแหน่ง
6 November 1986.
ความสำเร็จ
Premier League : 1993, 1994, 1996, 1997, 1999, 2000, 2001, 2003, 2007, 2008, 2009, 2011,2013
FA Cup : 1990, 1994, 1996, 1999, 2004
League Cup : 1992, 2006, 2009, 2010
UEFA Champions : League : 1999, 2008
FIFA Club World Cup : 2008
UEFA Super Cup : 1992
UEFA Cup Winners Cup : 1991
Inter-Continental Cup : 1999
FA Charity / Community Shield : 1990 (shared), 1993, 1994, 1996, 1997, 2003, 2007, 2008, 2010
"เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน" ผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ เขาสามารถพาลูกทีมคว้าแชมป์มาครองได้ มากกว่า 30 ถ้วย นับตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลง "The Red" แม้เวลาจะผ่านมากว่า 2 ทศวรรษ ไม่ได้ทำให้ความกระหายในชัยชนะของเขาลดลงเลย เขายังคงพาลูกทีมของเขาไล่ล่าถ้วยแชมป์อย่างไม่หยุดยั้ง
ตลอดระยะเวลาการค้าแข้ง เขาได้ลงเล่นให้กับทีมควีน ปาร์ค เรนเจอร์,เซนต์ จอห์นสตั้น, ดันเฟิร์มลิน, กลาสโกวร์ เรนเจอร์ส, ฟัลเคิร์ก และอายร์ ยูไนเต็ด แต่ทว่าเส้นทางการค้าแข้งของเขากลับไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
หลังจากเส้นทางการค้าแข้งของเขายุติลง "เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน" ได้ผันตัวเองมาเป็นโค้ช เขาเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมอีส สเตอร์ลิ่งไชร์,เซนต์ เมียร์เรน ตามด้วยอเบอร์ดีน มันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของเขา ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชชั้นนำ เขาสามารถพาทีมอเบอร์ดีน คว้าแชมป์สก็อตติชลีก 3 สมัย, สก็อตติช คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัยและแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพอีก 1 สมัย


Alex Ferguson: Alex Ferguson manager of Aberdeen
หลังการปลดรอน แอสกินสัน ออกจากการเป็นผู้จัดการทีม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเตด" ได้ดึงตัวเขามารับตำแหน่งอย่างรวดเร็ว โดย "เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน" เริ่มต้นการเป็นผู้จัดการทีมของยูไนเตดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 1986
"แมนเชตเตอร์ ยูไนเตด" ในขณะนั้น ไม่ใช่ทีมที่ดีนัก ในยุครุ่งเรืองของอริตัวฉกาจ อย่าง "ลิเวอร์พลู" โดยทีมของเขานั้นจมอยู่ในโซนท้ายตาราง หน้าที่ของ "เฟอร์กูสัน" คือพาทีมรอดจากการตกชั้น โดยไม่มีการเสริมทัพเลย ซึ่งเขาสามารถพาทีมจบในอันดับที่ 11 ของตารางคะแนนในฤดูกาลนั้น
ตอนนี้ "เฟอร์กูสัน" ต้องพบกับงานชิ้นสำคัญ คือการเปลี่ยนแปลง "แมนเชตเตอร์ ยูไนเตด" ให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่าทีมอื่นๆ "ยูไนเตด" ขณะนั้น ถือเป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นที่สวยงาม แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถรับมือกับทีมที่มีความแข็งแกร่งในลีกได้ โดยฤดูกาลที่ 2 ของเขากับยูไนเตด เขาสามารถพาทีมจบฤดูกาล ด้วยอันดับที่ 2 ซึ่งเป็นรองทีมคู่อริอย่างลิเวอร์พลู จุดเปลี่ยนสำคัญ เกิดขึ้นในฤดูกาล 1989/1990
จากฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอในทุกๆรอบ "ยูไนเตด" ก็สามารถคว้าแชมป์แรกของพวกเขาภายไต้การคุมทีมของ "เฟอร์กูสัน" ได้สำเร็จ โดยหนึ่งประตูของลี มาร์ตินนั้น เพียงพอที่ทำให้พวกเขาเอาชนะคริสตัน พาเลส ในเกมเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดรีเพล์ย และคว้าแชปม์ได้ในที่สุด


Sir Alex Ferguson celebrates with Bryan Robson after United's 1990 FA Cup win
ถ้วยรางวัลแรกของพวกเขาถือเป็นการเบิกร่องในการไล่ล่าถ้วยในรายการต่อๆไป พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพในฤดูกาลต่อมา โดย 2 ประตูจากมาร์ค ฮิลก์ ทำให้พวกเขาคว่ำยอดทีมแดนกระทิงดุอย่างบาร์เซโลน่าลงได้ด้วยสกอร์ 2-1 ต่อมาในฤดูกาล 1991/1992 พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์ลีกคัพได้สำเร็จ
แต่ที่น่าเศร้ายังคงอยู่ในใจของแฟนบอล "ยูไนเตด" กว่า 26 ปี ที่พวกเขาไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้เลย ซึ่งทีมที่ยิ่งใหญ่ในขณะนั้นคือ ลิเวอร์พลู ที่เรียกได้ว่าเป็นมหาอำนาจทั้งเกมภายในประเทศ และเกมยุโรป
ในที่สุดการรอคอยแชมป์ลีกที่ยาวนานก็สิ้นสุดลง ในฤดูกาล 1992/93 "ยูไนเตด" เป็นผลจากการคว้าตัว "อีริค คันโทน่า" มาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์
พวกเขายังคงเดินหน้าล่าแชมป์ลีกอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาล 1993/1994 พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ ครั้งต่อมาในฤดูกาล 1995/1996 และแชมป์อื่นๆ ในปี 1997


 Man Utd 1998-1999 Champions League Final
ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของ "เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน" เกิดขึ้นในฤดูกาล 1998/1999 ซึ่งฤดูกาลนั้นเอง พวกเขาสามารถคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ ได้แก่ แชมป์ลีก,เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยนคัพ ค่ำคืนที่น่าจดจำในบาร์เซโลน่า เมื่อเขาตัดสินใจส่ง เทดดี้ เชอร์ริงแฮม และโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ สองนักเตะตัวสำรองลงสนาม และนั่นทำให้โลกต้องจารึกไว้ เมื่อทั้ง 2 คน สามารถทำประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้ "ยูไนเตด" พลิกกลับมาเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยสกอร์ 2-1 และนั่นส่งผลให้พวกเขาคว้า ทริปเบิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ
"เฟอร์กูสัน" คือ อัศวิน จากความสำเร็จของเขา หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาจะวางมือหรือไม่ เนื่องจากเขาสามารถคว้าทริปเปิ้ลแชปม์แล้ว ความกระหายในชัยชนะของเขาอาจลดลง ซึ่งข้อสงสัยทั้งหมด ถูกขจัดไปโดยสิ้น เขายังคงพาลูกทีมเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ต่างๆอย่างไม่หยุดยั้ง เขายังคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 1999/2000 และ 2000/2001 นับเป็นการคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน แชมป์ลีกสมัยที่ 8 ของเขา เกิดขึ้นในฤดูกาล 2002/2003 ปีต่อมา พวกเขาก็คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 ได้สำเร็จ โดยการเอาชนะมิลล์วอล์ ในคาร์ดิฟฟ์
ในขณะนั้น "ยูไนเตด" จำเป็นต้องสร้างทีมใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามกฏโฮมโกล์ว ประกอบกับนักเตะในยุค 1995/1996 ก้าวเข้าสู่บั้นปลายของการค้าแข้ง จำเป็นต้องมีการผลักดันดาวรุ่งให้ก้าวขึ้นมาสานต่อความยิ่งใหญ่ ประกอบกับการนำเข้า 2 ดาวรุ่งอย่าง เวย์น รูนีย์ และ คริสติโน่ โรนัลโด้


 Man Utd 2005/2006
"ยูไนเตด" ในยุคสายเลือดใหม่ สามารถคว้าแชมป์คาร์ลิง คัพ ในฤดูกาล 2005/2006 และแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 9 ได้ ในฤดูกาล 2006/2007 ในปี 2007 "เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" เสริมความแข็งแกร่งของทีม ด้วยการนำเข้านักเตะอย่าง แอนเดอร์สัน , นานี่ และ โอเว่น ฮาร์กรีฟ เขายังพาทีมประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในปี 2007/2008 พวกเขาสามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก และคว้าแชมป์เปี้ยนลีก สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
หลังจากได้แชมป์ยุโรปได้ พวกเขาก็เดินหน้าเพื่อเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนธันวาคม 2008 พวกเขายังคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ในเดือนมีนาคม ปี 2009 ด้วยการดวลจุดโทษเอาชนะทีม ทอตนัม ฮอตสเปอร์ ในรอบชิงชนะเลิศ
ในวันที่ 16 พฤษพาคม 2009 "ยูไนเตด" ได้สร้างสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 18 เทียบเท่าทีมอริอย่างลิเวอร์พลู ที่ได้ชื่อว่า "ทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุด" การคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้ เป็นเหมือนการ "ยิงแสกหน้าเหล่าเดอะค็อป" ทั้งหลายให้หน้าหงายไปตามๆกัน
ความทะเยอทะยานของ "เซอร์อเล็ก" กับเหล่านักเตะ ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะเป้าหมายต่อไป คือ การเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ แซงหน้าทีมลิเวอร์พลู อดีตมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษ


Sir Alex Ferguson in Manchester United Champions 19 time Barclays Premier League Parade
และเป้าหมายนั้นก็ถูกพุ่งชนจนได้ เมื่อลูกทีมของ "เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน" สามารถจบฤดูกาล 2010/2011 ด้วยตำแหน่งแชมป์ นั่นสงผลให้ "แมนเชตเตอร์ ยูไนเตด" ถูกจารึกว่าเป็น "ทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ"
ในฤดูกาลถัดมา นับเป็นปีที่น่าผิดหวังของเฟอร์กูสัน เมื่อลูกทีมเขาทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในเวทียุโรป ซึ่งพวกเขาโดนทีมอย่างเอฟซี บาเซิ่ล และเบนฟิก้า เขี่ยตกรอบแบ่งกลุ่มไปแบบสุดช็อค และในช่วงท้ายฤดูกาล พวกเขายังโดนคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2011/12 สร้างความเจ็บช้ำให้เหล่าสาวกปีศาจแดงเป็นอย่างมาก
การเสียแชมป์ลีกให้ กับ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากผลประตูได้เสียในฤดูกาล 2011/12 สร้างผิดหวังให้กับ"เฟอร์กี้"เป็นอย่างมาก เขาประกาศต่อหน้าแฟนบอลว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง เขาเดินหน้าล่าตัว "โรบิ้น ฟานเพอร์ซี่" ดาวยิงตัวเก่งของอาร์เซน่อลมาร่วมทีม และกลายเป็นคีย์แมนพา "ปีศาจแดง" ทวงแชมป์ลีคคืนจาก"เพื่อนบ้านน่ารำคาญ"ได้สำเร็จในฤดูกาล 2012/13


Sir Alex Ferguson in Manchester United Champions 20 time Barclays Premier League Parade
ท่ามกลางห่วงเวลาแห่งความ สุขของเหล่าสาวก​"ปีศาจแดง" จากการที่ทีมรักของพวกเขาทวงแชมป์ลีคคืนจากทีม "เรือใบสีฟ้า" ได้สำเร็จ กลับมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจประกาศอำลาทีมหลังจบฤดูกาล 2012/13 ถือเป็นการยุติหน้าที่ผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง โลก
ช่วงเวลากว่า 27 ปี ที่นายใหญ่ชาวสก็อตฯผู้นี้เข้าเปลี่ยนแปลงทีม"ปีศาจแดง" นับตั้งแต่การเข้ารับตำแหน่งต่อจาก รอน แอสกินสัน ในเดือนธันวาคม ปี 1986 เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาทีม"ปีศาจแดง" ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ด้วยการคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ 13 สมัย แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย เอฟเอคัพ 5 สมัย และลีคคัพอีก 4 สมัย และถือเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล อังกฤษ
ที่มา:  http://www.glory-manutd.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น